ทำความรู้จักกับคำนี้ก่อนนะครับ นั่นก็คือ Redirect ซึ่งเป็นการเปลี่ยนเส้นทาง หน้า Landing Page หรือ URL ใดๆ ให้แสดงผลลัพธ์เป็น Landing Page อีกหน้าหนึ่ง และวิธีการนี้แหละครับที่จะช่วยแก้ปัญหาหน้า 404 page not found ให้กับคุณได้ แต่คุณจะต้องรู้ประเภทต่างๆ ของการทำ Redirect ว่ามีอะไรบ้าง ถึงจะเลือกใช้ได้ถูก ซึ่งผมจะขอแบ่งประเภทของการทำ Redirect ไว้คร่าวๆ ดังนี้
- 301 Redirect
เป็นการ Redirect ประเภทถาวร โดยจะทำการย้าย URL ไปอยู่ที่ตำแหน่งใหม่อย่างถาวร ทำให้ Search Engine ทำการส่ง Authority Score จาก Backlink ต่างๆ ที่ URL เดิมเคยได้รับไปยัง URL ใหม่ที่จะใช้แทน
- 302 Redirect
เป็นการ Redirect ประเภทชั่วคราว ใช้สำหรับส่งผู้ใช้ไปยังไซต์หรือเพจใหม่ในช่วงเวลาสั้นๆ เช่น เมื่อคุณออกแบบใหม่หรืออัปเดตเว็บไซต์ของคุณ แต่คนส่วนใหญ่จะนิยมทำ 301 Redirect ไปเลยมากกว่า
- 410 Redirect
เป็นการทำ Redirect เพื่อบอกกับ Search Engine ว่า URL หน้านี้ไม่ได้ใช้งานแล้ว คุณต้องการลบหน้านี้ออกไปจากเว็บไซต์ จะไม่มีการดึงขึ้นมาจัดทำดัชนีอีก พูดง่ายๆ ก็คือเป็นการลบหน้าเว็บไซต์ออกไปแบบถาวรนั่นเอง -
HTTP error 503 หรือข้อผิดพลาด 503
ข้อผิดพลาด 503 มักจะอ้างถึงปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตกับเครือข่ายที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในฝั่งเซิร์ฟเวอร์ แต่ความจริงแล้วมันหมายความว่าระบบไม่สามารถดำเนินการตามคำขอของลูกค้าได้ตามที่คาดไว้
ข้อผิดพลาด 503 อาจปรากฏขึ้นหากเซิร์ฟเวอร์ไม่มีขีดความสามารถเพียงพอที่จะรองรับจำนวนผู้ใช้ที่พยายามเข้าถึงเว็บไซต์ สิ่งนี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อเว็บไซต์ที่มีการรองรับผู้เข้าชมจำนวนน้อยแต่กลับมีผู้เข้าชมมากกว่าความสามารถในการรองรับ อีกสาเหตุหนึ่งคือหน้าเว็บกำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นหรืออาจเป็นการโจมตีโดยปฏิเสธการให้บริการ (DDoS) -
ข้อผิดพลาด 505
คือรหัสสถานะ HTTP ที่บ่งชี้ถึงปัญหาด้านเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถรองรับเวอร์ชันของโปรโตคอล HTTP ที่ร้องขอได้ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามคำขอของไคลเอนต์ได้ ซึ่งแตกต่างจากข้อผิดพลาด 404 ทั่วไปสำหรับ “ไม่พบหน้า” ข้อผิดพลาด 505 บ่งชี้ถึงความไม่สามารถของเซิร์ฟเวอร์ในการทำความเข้าใจหรือรองรับเวอร์ชัน HTTP ที่ร้องขอ
-
HTTP 303
เกิดขึ้นเมื่อมีการย้ายหน้าชั่วคราว ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถเชื่อมต่อกับทรัพยากรที่ร้องขอได้ HTTP 303 อาจกลายเป็นปัญหาได้ในบางสถานการณ์ หากไม่ได้ทำอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดปัญหาในการแคชการใช้แบนด์วิดท์เพิ่มขึ้นและเวลาในการโหลดช้าลงซึ่งอาจส่งผลต่อประสบการณ์และความพึงพอใจของผู้ใช้โดยรวม
เช่น เมื่อผู้ใช้ส่งแบบฟอร์มบนเว็บไซต์ เซิร์ฟเวอร์อาจตอบกลับด้วยรหัสสถานะ 303 และ URL ใหม่ จากนั้นเบราว์เซอร์จะส่งคำขอ GET ไปยัง URL ใหม่เพื่อดึงทรัพยากรที่ต้องการ
-
Error 404
404 Not Found หรือ Error 404 คือหน้าที่แจ้งเตือนว่าไม่พบข้อมูลอยู่ใน Server ของเว็บไซต์นี้ หรือไม่พบ URL ของหน้าเว็บไซต์นี้ อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือลิงก์เสียนี่แหละครับ
แม้ว่า Error 404 จะไม่มีผลกับการจัดอันดับของเว็บไซต์ แต่สิ่งที่ทำให้เราไม่ควรมองข้ามปัญหานี้ก็คือ มันมีผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้งานเว็บไซต์ผมเชื่อว่าหลายคนรวมถึงคุณ เวลาค้นหาข้อมูลบน Google ต้องเคยเจอกับเว็บไซต์ที่มี Error แบบนี้ และเมื่อเรากดเข้ามาเจอแบบนี้บ่อยครั้ง คุณก็จะจำได้ว่าเว็บนี้มันใช้การไม่ได้ สุดท้ายคุณก็จะ เลิกคลิก!