LINE@ คืออะไร? (ไลน์แอด) ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น Line OA
LINE@ เป็นบริการเพื่อการสื่อสารทางธุรกิจ เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สามารถส่งข่าวสาร โปรโมชั่น กิจกรรมไปหาผู้ติดตามของคุณได้อย่างง่ายดาย โดยก่อนใช้ LINE@ จะต้องมีอีเมลที่ลงทะเบียนไว้กับ LINE แชทก่อน
ใช้ LINE อยู่แล้ว ทำไมต้องใช้ LINE@?
เพราะ LINE แชทถูกออกแบบมาให้คุยกับเพื่อน ๆ จึงจำกัดการเพิ่มเพื่อนไว้ที่ 5,000 คน แต่ LINE@ นั้น ออกแบบมาเพื่อธุรกิจโดยเฉพาะ จึงรองรับ Followers ได้เยอะกว่ามาก และมีเครื่องมือต่าง ๆ สำหรับธุรกิจ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการพูดคุยโต้ตอบกับลูกค้าได้มากกว่า ใกล้ชิดมากกว่า เข้าถึงได้ง่ายกว่า ใช้งบประมาณน้อยกว่า
LINE@ มีเครื่องมือใดเพื่อธุรกิจบ้าง?
เครื่องมือใน LINE@ นั้นใช้งานง่าย และยังตอบโจทย์การทำธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น
• Broadcast ข้อความ : แจ้งข่าวง่าย แค่คลิกเดียวถึง Followers ทุกคน
• สร้าง Greeting Message : เพื่อนใหม่เพิ่งแอดมาต้องเห็นข้อความนี้
• สร้าง Auto-Reply : ข้อความตอบกลับอัตโนมัติ
• สร้าง Keyword-Reply : ไม่ต้องตอบคำถามซ้ำ ตั้ง Keyword แล้วให้ระบบตอบให้
• สร้าง Poll & Survey : แบบสอบถามออนไลน์ที่มีให้เลือกหลายเทมเพลต
• สร้างคูปอง E-Coupon : ทำง่าย ๆ แค่ใส่ภาพและเขียนเงื่อนไขการใช้งาน
• สร้างบัตรสะสมแต้ม : เชิญชวนให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำด้วยบัตรสะสมแต้มบน LINE
• ดูสถิติ : ตรวจสอบว่าวันไหนคนมา Follow หรือบล็อคเยอะแค่ไหน
• เพิ่ม Admin : ไม่ต้องคอยตอบแชทลูกค้าเพียงคนเดียวอีกต่อไป
เริ่มต้นใช้ LINE@
การเริ่มต้นใช้ LINE@ นั้นไม่ยาก เพียงแค่โหลดแอป LINE@ มาใช้ ซึ่งมีทั้ง iOS และAndroid เสร็จแล้วก็เปิดแอป แล้วเข้าใช้ในด้วยอีเมลของบัญชี LINE ส่วนตัว เพื่อเริ่มต้นสร้างหน้า LINE@ ของตัวเอง
หลังจากสมัครแล้วก็จะได้ชื่อ LINE@ มาให้คนอื่นสามารถ Add Friend เข้ามาได้ แต่บัญชีที่สร้างได้ในตอนนี้จะเป็นชื่อแบบสุ่ม เช่น @lfj8812m คือบัญชีของเว็บแบไต๋ของเรา ซึ่งถ้าเป็นชื่อสุ่มๆ แบบนี้ใครจะไปจำได้ เราก็สามารถซื้อ Premium ID เพื่อเปลี่ยนชื่อเป็นอย่างที่ต้องการ อย่างตอนนี้เราเปลี่ยนเป็น @beartai เรียบร้อยแล้ว ค่าเสียหาย $5.99 หรือประมาณปีละ 200 บาท โดยกระบวนการซื้อคร่าวๆ เป็นดังนี้
- เปิดแอป LINE ตัวหลักที่เอาไว้แซตกับเพื่อนๆ แล้วกดแท็บสุดท้าย (รุ่นภาษาไทยเขียนว่า “อื่นๆ”) กดที่ LINE Pay เพื่อผูกบัตรเครดิตเข้าระบบให้เรียบร้อยก่อน
- ใช้ LINE@ เวอร์ชั่น Android เข้า Business Store เพื่อซื้อ Premium ID หรือถ้าหากใช้ iOS ให้เข้าเว็บ Business Store เพื่อซื้อแทน โดยจะใช้ iPhone หรือคอมพิวเตอร์เข้าเว็บก็ได้
- ตั้งชื่อ @ID ของเราให้เรียบร้อย แล้วกดจ่ายเงิน ระบบจะให้ผู้ใช้เปิดแอป LINE ตัวหลักเพื่อยืนยันการจ่ายเงินภายใน 20 นาที
ใครที่เพิ่งเริ่มใช้ LINE@ น่าจะปวดหัวกับกระบวนการจ่ายเงินอยู่ไม่น้อย เพราะช่างหาเมนูเสียทรัพย์ได้ยากเย็น แถมข้อความแจ้งจากระบบยังเป็นภาษาญี่ปุ่นอีก (ที่ให้รอ 20 นาทีนั้นแหละ ทีมงานใช้ Google Translate แปลถึงเข้าใจ)
ใช้ LINE@ ทำอะไรได้บ้าง
LINE@ นั้นมีพื้นฐานมาจากการแซต ความสามารถจึงต่างจากเพจเฟซบุ๊กอยู่บ้าง โดย LINE@ มีความสามารถดังนี้
- ส่งข้อความหาเพื่อนทั้งหมดในครั้งเดียว (มีค่าบริการ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง)
- เขียนโพสต์ลง Timeline ให้ทุกคนที่เป็นเพื่อนกับเราเปิดหน้า Timeline เข้ามาเห็นได้ ซึ่งสามารถตั้งให้ส่งข้อความแล้วโพสต์ลง Timeline อัตโนมัติก็ได้
- คุยกับเพื่อนแบบ 1 ต่อ 1
- สร้างหน้าบัญชีให้มีรายละเอียดร้านได้ เช่นเบอร์ไทร เวลาปิด-เปิด
- สร้างคูปอง โปรโมชั่นพิเศษสำหรับคนที่มาติดตาม
- สร้างแบบสำรวจ สอบถามผู้ใช้เก็บเป็นสถิติได้
- ตั้งข้อความต้อนรับเมื่อเป็นเพื่อนกันครั้งแรก
- ตั้งข้อความตอบรับอัตโนมัติเวลาเพื่อนแซตเข้ามามีคีย์เวิร์คที่ระบุ
- สามารถตั้งเวลาโพสต์ได้
- ตั้งแอดมินได้หลายคน โดยแยกสิทธิ์แอดมินแต่ละคนได้ มีระดับเขียนเนื้อหาได้ แต่โพสต์ไม่ได้ด้วย
- สำหรับร้านที่มีตัวตนอยู่บนโลกจริง (ไม่ใช่ร้านค้าออนไลน์) สามารถยื่นเรื่องเพื่อให้เป็นบัญชีที่ตรวจสอบแล้วได้ด้วย ซึ่งจะทำให้น่าเชื่อถือมากขึ้น
อัตราค่าบริการ
LINE@ นั้นเริ่มต้นใช้ฟรีครับ แต่ถ้า
- ต้องการชื่อเฉพาะเช่น @beartai แทนที่ชื่อสุ่มๆ ที่ระบบตั้งให้ เสีย $5.99 ต่อปี (~200 บาท)
- ต้องการส่งข้อความมากกว่า 1,000 ข้อความต่อเดือน เสีย $24.99 ต่อเดือน (~800 บาท) โดยจะสามารถส่งได้สูงสุด 50,000 ข้อความต่อเดือน และหลังจากนั้น (ข้อความที่ 50,001 ขึ้นไป) คิดค่าบริการข้อความละ 20 สตางค์
อ่านเร็วๆ อาจจะรู้สึกว่าบัญชีฟรีที่ให้ส่งข้อความได้ 1,000 ข้อความฟรีต่อเดือนก็เยอะมากแล้ว แต่ 1,000 ข้อความนั้นนับเป็นต่อคนนะครับ เช่นถ้ามีเพื่อนใน LINE@ 100 คน ส่ง 10 ครั้ง โค้วต้าในการส่งของเราก็หมดแล้ว (100×10 = 1,000) ถึงจะเป็นแพ็กเกจเสียค่าบริการ ถ้าเรามีสมาชิกเยอะๆ เช่น 5,000 คน ก็ส่งได้ 10 ครั้งหมดเหมือนกัน ก็ถือว่าการส่งข้อความทางนี้ ต้องคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนใช้ครับ หลายครั้งเราจึงโพสต์แค่ Timeline อย่างเดียว เพราะไม่อยากเสียค่าส่งข้อความครับ
ซึ่งตอนนี้ LINE@ มีโปรโมชั่นสำหรับผู้ใช้ โดยสามารถขอใช้แพ็กเกจแบบเสียเงินได้ฟรีจนถึงสิ้นปี 2558 นี้นะครับ ก็ลองใช้กันดู แต่ถ้าส่งเพลินจนเกิน 50,000 ครั้งก็คิดไป หัวละ 20 สตางค์นะครับ อย่าลืม
สรุป LINE@
เมื่อเทียบ LINE@ กับ facebook pages แล้ว ถือว่า LINE@ มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายสูงกว่าเฟซบุ๊กอยู่พอสมควร ถึงแม้เฟซบุ๊กจะกดอัตราการมองเห็นโพสต์หรือ Reach ให้ต่ำลง แต่นั้นก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ใช้เลือกที่จะไม่จ่ายได้ แต่กับกรณีของ LINE@ ถ้าต้องการทำบัญชีจริงจัง อย่างน้อยก็ต้องจ่ายค่าชื่อปีละ 200 บาท และถ้าต้องการส่งข้อความก็ต้องเสียค่าส่งอีก แต่ถ้ามองในมุมที่ว่า LINE เป็นแอปหลักของคนไทยไปแล้ว ทุกคนที่ใช้สมาร์ทโฟน รวมถึงผู้สูงอายุก็มีไลน์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้ที่น่าสนใจ แถมการเข้าถึงโดยข้อความจาก LINE@ นั้นสามารถเจาะเข้าถึงผู้ใช้ได้มากกว่าการโพสต์เฟซบุ๊กธรรมดาด้วย จึงเป็นเรื่องที่ต้องชั่งน้ำหนักว่าเงินที่จ่ายนั้นคุ้มค่าหรือไม่