ขายสินค้าออนไลน์ เสียภาษีอย่างไร

ภาษีน่ารู้ฉบับร้านค้าออนไลน์ ปี 64 พ่อค้าแม่ค้าต้องจ่ายภาษีออนไลน์อย่างไร

Online-shopping

ไขปัญหากังวลใจของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่กำลังกังวลเรื่องภาษี ว่าสำหรับคนขายออนไลน์ที่ไม่ได้ยื่นจดทะเบียนธุรกิจในรูปแบบบริษัทจะต้องยื่นภาษีอะไรบ้างและต้องยื่นเมื่อไหร่ ภาษีน่ารู้ฉบับร้านค้าออนไลน์ มีคำตอบมาฝากคุณ

เงินที่ได้รับจากการทำธุรกิจหรือการขายของออนไลน์ นับเป็นเงินได้ประเภทหนึ่งซึ่งแยกจากรายได้ประจำและต้องนำไปคำนวณรวมกับการยื่นภาษีประจำปี ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่ได้ยื่นจดทะเบียนธุรกิจในรูปแบบบริษัทจะต้องยื่นภาษีกับกรมสรรพากร 2 ครั้งใน 1 ปี ได้แก่

ขายออนไลน์แบบไหนต้องเสียภาษี

รายได้ที่เกิดจากการขายของออนไลน์ผ่าน Social Media Platform และ Market Place Platform เป็นเงินได้ประเภทที่ 40(8) ซึ่งเป็นเงินได้ของบุคคลธรรมดาที่เปิดร้านขายของออนไลน์โดยส่วนใหญ่ เพราะเป็นเงินได้จากการค้าขายที่ต้องนำไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม

เงินเข้าบ่อยๆ ต้องเสียภาษีไหม

ปัจจุบันใครๆ ก็หันมาใช้อีเพย์เมนต์ (e-payment) โดยธนาคารจะต้องส่งข้อมูลให้กับสรรพากรหากเข้าข่าย “ธุรกรรมลักษณะเฉพาะ” หรือ ธุรกรรมการฝากเงิน การรับโอนเงิน (เฉพาะเงินโอนเข้าบัญชี) รวมกันทุกบัญชีใน 1 ปี  ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคมภายในปีนั้นๆ โดยธุรกรรมลักษณะเฉพาะนี้ไม่ได้กำหนดเฉพาะคนขายของออนไลน์เท่านั้น แต่ใช้กับทุกคน

  • จำนวนเงินโอนเข้าบัญชีตั้งแต่ 3,000 ครั้งขึ้นไป โดยไม่กำหนดยอดรวมธุรกรรมเงินโอนเข้าบัญชี
  • จำนวนเงินโอนเข้าบัญชีตั้งแต่ 400 ครั้งขึ้นไป โดยยอดรวมธุรกรรมเงินโอนเข้าบัญชีตั้งแต่ 2,000,000 บาทขึ้นไป

ถ้าเข้าข่ายข้อใดข้อหนึ่งธนาคารจะส่งข้อมูลให้สรรพากร โดยผู้ที่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนด จึงควรเตรียมความพร้อมด้วยการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างถูกต้อง เก็บเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ และยื่นแสดงรายการภาษีให้ครบถ้วน

1. ภาษีบุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90

บุคคลที่มีเงินได้ทุกคนต้องยื่นภาษีบุคคลประจำปีกับกรมสรรพากร ถึงแม้พ่อค้าแม่ค้าจะไม่มีรายได้จากงานประจำ แต่รายได้จากการขายของออนไลน์นับเป็นเงินได้ในมาตรา 40 (8) หรือเงินได้ประเภทที่ 8 ได้แก่เงินที่ได้จากการทำอาชีพอิสระอย่างการขายของออนไลน์หรือการขายสินค้าแบบซื้อมาขายไป  การขายอสังหาริมทรัพย์ การพาณิชย์ ฯลฯ คนขายออนไลน์ต้องยื่นภาษีโดยการสรุปรายได้ทั้งหมดจากปี 2563 หรือรายได้ทั้งหมดจากช่วงปีที่ผ่านมา

  • ซึ่งมีสูตรการคำนวณคือ “เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อนภาษี = เงินได้สุทธิ”
  • ผู้มีเงินได้ในมาตรา 40 (8) สามารถคิดค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60% ได้

2. ภาษีกลางปี ภ.ง.ด. 94

เนื่องจากคนขายออนไลน์จัดเป็นผู้มีเงินได้ในมาตรา 40 (8) จึงต้องมีการยื่นภาษีกลางปี  ภ.ง.ด. 94 อีกครั้งซึ่งจะเป็นการสรุปรายได้ทั้งหมดตั้งแต่เดือน 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2564 กลุ่มที่เข้าข่ายต้องยื่นภาษีนี้ก็คือ คนโสดรายได้เกิน 60,000 บาท คนมีคู่สมรสได้เกิน 120,000 บาท ซึ่งไม่รวมจากรายได้จากงานประจำ ซึ่งนับว่าเป็นข้อดีที่จะช่วยให้จ่ายภาษีได้ถูกลง หากพ่อค้าแม่ค้าไม่ยื่นภาษีกลางปี ภ.ง.ด. 94 รายได้ทั้งหมดจะถูกนำไปรวมกับ ภาษีบุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90 และต้องจ่ายภาษีแพงขึ้นั่นเอง

คนขายออนไลน์ต้องมีรายได้เท่าไหร่จึงจะต้องจ่ายภาษีออนไลน์

รายได้สุทธิ ภาษีที่ต้องจ่าย
0 – 150,000 *ได้รับการยกเว้นภาษี*
150,001 – 300,000 5%
300,001 – 500,000 10%
500,001 – 750,000 15%
750,001 – 1,000,000 20%
1,000,001 – 2,000,000 25%
2,000,001 – 5,000,000 30%
5,000,001 บาทขึ้นไป 35%

รายการใช้ลดหย่อนภาษีที่คนขายออนไลน์ต้องรู้

รายการลดหย่อน อัตราลดหย่อน
1. ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
2. ค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท
3. ค่าลดหย่อนบุตร บุครคนแรกลดหย่อน 30,000 บาท บุตร 2 คนขึ้นไป 60,000 บาท
4. ค่าลดหย่อนบิดามารดา หากมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้ค่าลดหย่อนคนละ 30,000 บาท
5. ค่าลดหย่อนผู้พิการและทุพพลภาพ 60,000 บาท
6. ค่าฝากครรภ์และทำคลอด 60,000 บาท

หมวดรายการลดหย่อนหมวดประกันและการลงทุน

รายการลดหย่อน อัตราลดหย่อน
1. ประกันชีวิตและประกันสะสมทรัพย์ สูงสุด 100,000 บาท ตามที่จ่ายจริง
2. ประกันสุขภาพบิดามารดา สูงสุด 15,000 บาท
3. ประกันสุขภาพตัวเอง สูงสุด 25,000 บาท
4. ประกันชีวิตแบบบำนาญ สูงสุด 200,000 บาท
5. เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สูงสุด 10,000 บาท
6. กองทุนกบข.และกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ไม่เกิน 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
7. เงินสะสมจากกองทุนการออมแห่งชาติ กอช. สูงสุด 13,200 บาทต่อปี
8. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ไม่เกิน 30% ของรายได้ สูงสุด 500,000 บาท
9. กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ไม่เกิน 30% ของรายได้ สูงสุด 500,000 บาท
10. กองทุนการออมพิเศษ (SSFX) สูงสุด 200,000 บาท
 11. เบี้ยประกันชีวิตบำนาญ ไม่เกิน 15% ของเงินได้ สูงสุด 200,000 บาท
 12. เงินประกันสังคม 5,850 บาท

รายการลดหย่อนหมวดอสังหาริมทรัพย์

รายการลดหย่อน อัตราลดหย่อน
1. ดอกเบี้ยบ้าน สูงสุด 100,000 บาท
 2. โครงการซื้อบ้านครั้งแรก 120,000 บาท
3. ช้อปดีมีคืน สูงสุด 30,000 บาท (รายการสินค้าที่ซื้อตั้งแต่ 23 ต.ค. – 31 ธ.ค. 63

 

หมวดรายการเงินบริจาค

รายการลดหย่อน อัตราลดหย่อน
 1. เงินบริจาคทั่วไป 10% ของรายได้หลังลดหย่อน
2. เงินบริจาคพรรคการเมือง สูงสุด 10,000 บาท
3. เงินบริจาคเพื่อการศึกษา กีฬา พัฒนาสังคม และโรงพยาบาลรัฐ 2 เท่าจากเงินบริจาค ที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อน

 

พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สามารถส่งเอกสารยื่นภาษีได้ที่ กรมสรรพากร หรือยื่นออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.rd.go.th โดยการยื่นภาษีทั้ง 2 จะมีระยะเวลา ดังนี้

ระยะเวลายื่นภาษีบุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90

  • ยื่นภาษีแบบเอกสารได้ตั้งแต่วันที่  1 มกราคม 2564  – 31 มีนาคม 2564
  • ยื่นภาษีแบบออนไลน์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564  – 31 มิถุนายน 2564

ระยะเวลายื่นภาษีกลางปี ภ.ง.ด. 94

  • ยื่นภาษีแบบออนไลน์ได้ตั้งแต่  1 กรกฎาคม 2564 – 31 กันยายน 2564

หนทางรับมือกับการยื่นภาษีประจำปีของร้านค้าออนไลน์ก็คือการจัดทำบัญชี รายรับรายจ่ายประจำปีอย่างแม่นยำ เพื่อที่จะนำรายละเอียดนั้นมาใช้ยื่นภาษีประจำปีได้อย่างแม่นยำ ซึ่งคนขายออนไลน์สามารถนำระบบจัดการบัญชีหรือระบบจัดการหลังบ้านที่มีระบบรายงานการขายทั้งเงินเข้าและเงินออกเข้ามาช่วยจัดการ เพียงเท่านี้ร้านค้าก็จะไม่ต้องเหนื่อยเรื่องการจดบัญชีอีกต่อไป

สำนักงานบัญชีกาญจนบุรี

error: Content is protected !!