ปัจจุบันคงต้องยอมรับว่าอินเตอร์เน็ตมีบทบาทมากจริงๆกับการใช้ชีวิตของเราบนโลกใบนี้ และสำหรับธรุกิจออนไลน์แบบเปิดร้านค้าเพื่อบริการ ซื้อขายสินค้าบนอินเตอร์เน็ตนั้นก็เกิดขึ้นมากมายสำหรับในเมืองไทย เมื่อมีการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์เจ้าของร้านก็ต้องทำการส่งสินค้าผ่านการให้ บริการ Logistics ในไทย และบริษัทที่ให้บริการขนส่งสินค้านั้นมีตัวเลือกมากมาย แต่จะเลือกอย่างไรให้ตอบโจทย์ธุรกิจที่สุดนั้น ตามที่ผมได้มีประสบการณ์ในการให้บริการกับลูกค้าของบริษัททำเว็บไซต์มา นั้น ในด้าน E-commerce มีพอสมควร (มุมมองส่วนตัว เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อคนทำธุรกิจ e-commerce ได้บ้างครับ
ผู้ให้บริการรายแรกและรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คงจะหนี ไปรษณีย์ไทย ไม่ได้ ซึ่งมีจำนวนสาขามากที่สุดและรู้เส้นทางในการขนสินค้าดีที่สุด และยังมีผู้ใช้บริการจำนวนไม่
พื้นที่ให้บริการ : คลอบคลุมทั่วประเทศ
การคิดค่าบริการ : คิดจากน้ำหนักเท่านั้น
วงเงินประกันสินค้า : EMS ประกันสินค้าไม่เกิน 1,000 บาท หรือ ตามจริง
วงเงินประกันสินค้า : ลงทะเบียน ประกันสินค้าไม่เกิน 300 บาท หรือ ตามจริง
*ไปรษณีย์จะขอเอกสารใบเสร็จ และภาพความเสียหายเพื่อจะพิจารณาว่า จะคืนเงินให้ตามจริงหรือไม่เกินที่กำหนดครับ
ระยะเวลาการขอเคลมค่าสินค้า : 2-4 เดือน
บริการเก็บเงินปลายทาง : N/A
API สำหรับเชื่อมต่อระบบ : ไม่มี
Shop/Agent : มี
บริการรับสินค้าถึงต้นทาง : ไม่มี
สิ่งที่เจอจากประสบการณ์ของผม
– สินค้าตกค้าง
– ไม่อัพเดตสถานะพัสดุ
- ส่งเอกสารผิดบ้าน (เอกสารบ้านอื่นติดมาด้วย)
Kerry Express
เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการที่เติบโตอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน โดยปัจจุบันมีสาขา parcel shop มากมายให้ได้ส่งของกัน โดยเลือกดูได้ที่ https://th.kerryexpress.com/th/where-we-are/
พื้นที่ให้บริการ : คลอบคลุมทั่วประเทศ
การคิดค่าบริการ : น้ำหนัก, ขนาดกล่อง และ จุดหมายปลายทาง แบ่งจุดหมายปลายทางเป็นกรุงเทพและปริมณฑล
วงเงินประกันสินค้า : ไม่เกิน 2,000 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ระยะเวลาการขอเคลมค่าสินค้า : ไม่เกิน 15 วัน
บริการเก็บเงินปลายทาง : มีทั้งรับเงินสด, บัตรเครดิตและ rabbit LinePay คิดค่าธรรมเนียม 3%
API สำหรับเชื่อมต่อระบบ : มี
Shop/Agent : มี
บริการรับสินค้าถึงต้นทาง : 9.00 – 17.00 (สำหรับ B2B ที่ติดต่อกับส่วนกลางเท่านั้น)
DHL Express
พื้นที่ให้บริการ : คลอบคลุมทั่วประเทศ
การคิดค่าบริการ : น้ำหนัก, ขนาดกล่อง และ จุดหมายปลายทาง แบ่งจุดหมายปลายทางเป็นกรุงเทพและปริมณฑล
Price : non-Disclosure
Note : DHL จะทำการจัดส่งเป็นเฉพาะ Bangkok และ UPC1 ตามตาราง region ด้านล่าง UPC2 จะเป็นบริการโดยไปรษณีย์ไทย
วงเงินประกันสินค้า : ไม่เกิน 2,000 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ระยะเวลาการขอเคลมค่าสินค้า : ไม่เกิน 15 วัน
บริการเก็บเงินปลายทาง : N/A
API สำหรับเชื่อมต่อระบบ : N/A
Shop/Agent : มี
บริการรับสินค้าถึงต้นทาง : ไม่มีข้อมูลเวลาเข้ารับบริการ (free if volume > 20 parcels)
Alphafast
พื้นที่ให้บริการ : เฉพาะกรุงเทพและปริมณฑลเท่านั้น
การคิดค่าบริการ : ขนาดกล่องเท่านั้น
วงเงินประกันสินค้า : ไม่เกิน 2,000 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) ระยะเวลาการขอเคลมค่าสินค้า : ไม่เกิน 15 วัน
บริการเก็บเงินปลายทาง : 2.0% สำหรับเงินสด และ 2.9% สำหรับบัตรเครดิต
API สำหรับเชื่อมต่อระบบ : มี
Shop/Agent : ไม่มี
บริการรับสินค้าถึงต้นทาง : 08.00-21.00น. (ฟรี 3 ชิ้นขึ้นไป)
SCG Express
นับเป็นผู้ให้บริการหน้าใหม่ที่สุด แต่เป็นความร่วมมือระหว่างสองยักษ์ใหญ่ SCG และบริษัท Yamato Asia ที่มีสัญลักษณ์เป็นแมวดำคาบลูก
พื้นที่ให้บริการ : เฉพาะกรุงเทพและปริมณฑลเท่านั้น
การคิดค่าบริการ : ขนาดกล่องเท่านั้น
วงเงินประกันสินค้า : ไม่เกิน 3,000 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
ระยะเวลาการขอเคลมค่าสินค้า : ไม่เกิน 15 วัน
บริการเก็บเงินปลายทาง : มีทั้งรับเงินสดและบัตรเครดิต (เร็วๆนี้) คิดค่าธรรมเนียม 3%
API สำหรับเชื่อมต่อระบบ : มี
Shop/Agent : มี
บริการรับสินค้าถึงต้นทาง : (ฟรี 3 ชิ้นขึ้นไป)
อีกหนึ่งบริการที่โดดเด่นและน่าสนใจมากของ SCG Express คือ บริการขนส่งสินค้าแบบ Chilled และ Frozen รวมไปถึงการจัดส่งผลผลิตทางเกษตร ซึ่งเป็นรายเดียวในตลาดที่บริการใน Segment นี้
Shippop
Shippop เป็นบริการ Logistics Hub และรวบรวมเครื่องมือต่างๆ เกี่ยวกับการขนส่งทำให้เรื่องขนส่งเป็นเรื่องง่ายๆ คุณสมบัติของ Shippop ที่โดดเด่นและจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการ หลักๆ มีดังนี้ครับ
มี API ให้ใช้งาน
ธุรกิจใครที่มี Backoffice ของตัวเองอยู่แล้ว สามารถเชื่อมต่อ API เพื่อใช้งานระบบขนส่งผ่าน Backoffice ของตนเองได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
Tracking code Generation – เป็นบริการจองขนส่ง (สามารถออกเลข Tracking ตั้งแต่ก่อนจัดส่ง) โดยจะสร้างรายการขนส่งบนเว็บไซต์, upload เป็น Excel หรือว่าใช้งานผ่าน API ก็ได้ เมื่อได้เลข Tracking Code ตั้งแต่ก่อนส่งพัสดุ ก็ทำให้สะดวกต่อการสื่อสารกับลูกค้าและไม่ต้องไปรอคิวหน้าเคาเตอร์ปกติ
พิมพ์ใบปะหน้า
เมื่อมีรายการขนส่งเรียบร้อยแล้วก็สามารถสั่งพิมพ์ใบปะหน้าได้อย่างง่าย จัดตำแหน่ง ใส่ logo สบายเลย
Report
มี Report ให้ดูเป็นรายวัน, รายเดือน ชำระเงินเป็นรอบๆ สะดวกในการคุมค่าขนส่ง ตรวจสอบง่ายไม่รั่วไหล
นอกจากนั้นยังมีขนส่งหลายเจ้าให้เลือกใช้ เพิ่มความสะดวกในการบริหารจัดการ รวมถึงมีบริการของ Skootar ซึ่งเป็น On-Demand Delivery ซึ่งจะพูดถึงใน [ตอนที่ 2] ด้วยนะครับ ^^